ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศหรือ “แอร์” มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่ทำงานก็ตาม ยิ่งในสภาวะอากาศอันร้อนระอุ ประกอบกับอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทุกวัน แอร์จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำให้นวัตกรรมของเครื่องปรับอากาศ มีการพัฒนาอยู่ตลอด ในแต่ละปีมักมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาเสมอ เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ทุกไลฟ์สไตล์ ทุกช่วงวัย ที่แตกต่างกันออกไป
หลายคนเกิดคำถามคาใจ! แล้วจะเลือกแอร์แบบไหนให้คุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนานมากที่สุด จึงต้องมาค้นหาคำตอบกันก่อนว่าแอร์ที่ดีนั้น มีคุณสมบัติอย่างไร ? ซึ่งคนส่วนมากมักต้องการ 2 สิ่งหลัก ๆ คือความทนทาน และประหยัดไฟ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อแอร์สักเครื่อง จึงต้องเข้าใจถึงวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีเบื้องต้นกันสักนิด
พูดถึงความทนทาน ของแอร์บ้าน แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อซื้อไปแล้วก็ต้องได้รับความมั่นใจ ว่าสามารถใช้งานได้ในระยะยาว คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ฉะนั้นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ต้องได้รับมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น คอยล์ (Coil) ส่วนประกอบ ที่ช่วยระบายและดูดซับความร้อนภายในห้อง ฉะนั้นซื้อแอร์ทั้งที ปัจจัยพื้นฐานคือต้องคำนึงถึงวัสดุที่ทนต่อการสึกกร่อน และดูแลรักษาง่าย อย่าง คอยล์ทองแดง หนึ่งในตัวเลือกที่ทนความร้อนได้สูง แข็งแรง ทนทุกสภาพอากาศ ทุกสภาพพื้นที่ ทั้งชายทะเล ที่มีความเป็นกรดสูง และยังถ่ายเทความร้อนได้ดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าอลูมิเนียม ซึ่งหากเกิดปัญหารั่วซึมก็สามารถแก้ไขได้เบื้องต้น แต่หากเป็นคอยล์อลูมิเนียม ก็ยากที่จะซ่อมแซม หรืออาจต้องเปลี่ยนใหม่แทน
สิ่งที่ควรพิจารณาต่อมาคือ มอเตอร์พัดลมแอร์ อีกวัสดุที่ช่วยระบายและดูดซับความร้อน ควรเลือกมอเตอร์ที่ใช้ขดลวดทนความร้อนได้สูง ไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป ส่วนใหญ่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ ขดลวดทองแดง ด้วยความที่เป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพทนความร้อน ทนต่อการกัดกร่อนได้มากกว่าอลูมิเนียม แม้จะมีราคาที่แพงกว่าก็ตาม แต่เพื่อความคุ้มค่า ปลอดภัย ในการใช้งานระยะยาว
ปัจจัยต่อมาคือ “ความประหยัดไฟ” ของแอร์บ้าน นอกจากต้องคำนวณ BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง หรือเลือกแอร์ให้เหมาะสมต่อการใช้งาน รวมไปถึงเทคโลโลยีต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจแล้ว หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้าง ว่าแอร์เก่ามากกินไฟมาก โดยเฉพาะแอร์ที่ผ่านการใช้งานเกิน 10 ปี ขึ้นไป นั่นเพราะสิ่งสกปรกที่หมักหมม รวมถึงระบบต่าง ๆ เริ่มเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลา แม้จะใช้งานได้ต่อ แต่ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ก็ยิ่งลดลง หากยังฝืนใช้ต่อไป แน่นอนว่าผลที่ตามมาไม่เพียงแค่ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น แต่อาจรวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงที่หนักหน่วงตามไปด้วยเช่นกัน
แล้วหากเปลี่ยนมาใช้แอร์ใหม่ จะเซฟค่าไฟได้จริงมั้ย ? จากข้อมูลที่ผู้เขียนค้นหามา เชื่อได้ว่าไม่เกินจริงแน่นอน! เพราะแอร์ใหม่ ประสิทธิภาพการทำงานย่อมดีกว่าแอร์ตัวเก่า ทั้งด้านของฟังก์ชันและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่หลากหลายกว่า จึงประหยัดไฟได้มากกว่า แม้จะต้องคิดหนักกับราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้ามองในระยะยาวก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
เลือกแอร์แบบไหนดี ให้คุ้มค่าประหยัดไฟที่สุด ? ปัจจุบันไม่เพียงแค่ต้องคำนึงถึงแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือแบบมีดาวเยอะเท่านั้นนะ แต่ยังต้องพิจารณาไปถึงค่า SEER บนฉลากด้วย ยิ่งสูงก็ยิ่งช่วยประหยัดไฟ รวมไปถึงการเลือกแอร์ระบบ Inverter นั่นเพราะคุณสมบัติเด่น ๆ คือการรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ คอมเพรสเซอร์ทำงานต่อเนื่อง ไม่หยุดเป็นช่วง ๆ นอกจากจะลดการใช้พลังงาน ไม่เกิดการกระชากไฟ ยังประหยัดไฟได้มากกว่า แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นด้วย
สำหรับยี่ห้อแอร์ยืนหนึ่ง แบรนด์ที่ดีที่สุดในใจ HDD แน่นอนว่าต้องเป็น MITSUBISHI HEAVY DUTY แอร์คุณภาพ แบรนด์ญี่ปุ่น ที่จัดจำหน่ายโดย บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ด้วยความหลากหลาย ทั้งขนาด รูปแบบ ประเภท ฟังก์ชันการใช้งาน ระดับราคา รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีการคิดค้นพัฒนามาตลอด โดยมีให้เลือกครบทุกรุ่นทั้ง Standard Non-Inverter, Inverter, Standard Inverter, Deluxe Inverter และ Super Deluxe Inverter ทางเลือกเพื่อความเหมาะสมต่อการใช้งาน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทุกระดับที่พักอาศัยเลยก็ว่าได้
เริ่มต้นแนะนำกันที่รุ่น KAZE SERIES – STANDARD NON INVERTER SERIES แม้จะเป็นระบบ Non-Inverter บอกได้เลยว่า คุณภาพเต็มเปี่ยม แถมไม่ต้องกลัวเปลืองไฟ จ่ายน้อยแต่คุ้มมาก ด้วยฟังก์ชันที่ไม่ธรรมดา ช่วยประหยัดพลังงาน ให้ความเย็นสะใจ กับโหมดกระจายลมเย็นไกลสูงสุดถึง 17 เมตร เย็นเร็วทันใจใน 15 นาที สุขภาพดีด้วยอากาศสะอาดและบริสุทธิ์ กับฟังก์ชันที่สามารถสร้างประจุลบได้ 24 ชั่วโมง ห่างไกลจากเชื้อรา ด้วยฟังก์ชันที่ช่วยไล่ความชื้นในคอลย์เย็น ลดกลิ่นอับ กำจัดกลิ่นกวนใจ อีกทั้งยังช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย KAZE SERIES มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 9,175BTU/h, 12,252 BTU/h, 14,457 BTU/h, 18,447 BTU/h, และ 25,249 BTU/h ในราคาเริ่มต้นที่ 18,100.-
มาต่อกันที่ NEW HOSHI SERIES INVERTER เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2023 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Inverter แท้ทั้งระบบ เน้นไปที่นวัตกรรมด้านการประหยัดงานที่มากกว่าเดิม ทั้งยังตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีในเรื่องความทนทาน เพราะมีการเคลือบ Epoxy Coating ที่คอยล์เย็น วัสดุเลือกใช้เป็นคอยล์ทองแดงแท้ 100% จึงมั่นใจในเรื่องของความแข็งแรง ที่ทนต่อการกัดกร่อน นานถึง 10 ปี
NEW HOSHI SERIES INVERTER นอกจากดีไซน์ที่ทันสมัย เข้าได้ง่ายกับทุกสไตล์การตกแต่งแล้ว ยังจัดเต็มทุกฟังก์ชัน โดนใจคนขี้ร้อน เย็นเร็ว เย็นไกล ฉ่ำกายทุกอิริยาบถการใช้ชีวิต อากาศสะอาด สุขภาพปอดดี ปลอดภัยจาก PM2.5 และยังช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้ ดูดซับก๊าซอันตราย และฝุ่นละอองในอากาศ ป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ ด้วยฟังก์ชันที่ช่วยไล่ความชื้นในคอยล์เย็นอัตโนมัติ
สำหรับ NEW HOSHI SERIES INVERTER มีให้เลือกตั้งแต่ 9,492 BTU/h, 12,369 BTU/h, 15,297 BTU/h และ 16,739.- BTU/h ในราคาเริ่มต้นที่ 20,400.-
รุ่นต่อมาที่อยากแนะนำ กับ FUYU SERIES SUPER DELUXE INVERTER จัดเต็มความคุ้มค่ากับเครื่องปรับอากาศรุ่นพี่ใหญ่เรือธง ด้วยเทคโนโลยี Inverter แท้ทั้งระบบ และสามารถทำงานได้ถึง 2 ระบบ ในเครื่องเดียว ทั้งแบบ Cooling โหมดทำความเย็น และ Heating โหมดทำความร้อน ที่มากไปกว่ายังประหยัดไฟมากเป็นพิเศษ ด้วยการใช้ Motion Sensor จับความเคลื่อนไหวภายในห้อง เพื่อไม่เกิดความสิ้นเปลือง ทั้งยังช่วยปรับอุณหภูมิ ระดับพัดลมโดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน หรือตั้งค่าเครื่องปิดโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีผู้ใช้งานก็ทำได้เช่นกัน
สำหรับ FUYU SERIES SUPER DELUXE INVERTER มีให้เลือกตั้งแต่ 8,770BTU/h, 12,103BTU/h, 17,105BTU/h และ 20,977BTU/h ในราคาเริ่มต้นที่ 39,300.- และในซีรีส์นี้ยังมีรุ่น Hi Capacity ให้เลือกสรรสำหรับห้องขนาดใหญ่เพิ่มเติมเข้ามาอีก 2 รุ่น คือขนาด 26,749 BTU/h และ 32,070 BTU/h แต่ทั้งสองรุ่นนี้จะไม่มี Motion Sensor มาให้นะ
นอกจากนี้ ก็ยังมีรุ่น HARU SERIES STANDARD INVERTER และ AKI / YUKI SERIES DELUXE INVERTER กับทางเลือกที่คุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันหลากหลาย คลอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ส่วนเรื่องความประหยัดก็เป็นความโดดเด่นของเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty Inverter เลย เพราะทั้งไลน์อัพของเขาใช้เทคโนโลยี Inverter แท้ทั้งระบบ ตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่
มาถึงตรงนี้แล้ว คงมีคำตอบกันแล้วใช่ไหมคะ ? ว่าแอร์ยี่ห้อไหน ตรงตามความต้องการมากของเรามากที่สุด แน่นอนว่าหากพูดถึงวัสดุที่ดี เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน รวมไปถึงคุณสมบัติความทนทาน และการประหยัดไฟ ก็ต้องเลือก MITSUBISHI HEAVY DUTY กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มาแรงทุกปี แถมยังคงเอาผู้ที่รักสุขภาพแบบจัดเต็มเช่นเคย พร้อมฟังก์ชันอำนวยมากมาย เช่น
✓ Jet Flow ส่งลมเย็นไกลถึง 17 เมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาด BTU/h)
✓ Hi Power เย็นเร็วทันใจใน 15 นาที
✓ 24 Hrs. ION สร้างประจุลบ ทำให้อากาศสะอาดสดชื่น
✓ Nano Air Filter ช่วยกรองฝุ่น PM2.5
✓ Allergen clear filter ต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ และแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพ
✓ Allergen clear Operation กำจัดและทำลายเชื้อโรคและแบคทีเรีย ภายใน 90 นาที หลังจากปิดเครื่อง
✓ Self-Clean Operation ช่วยไล่ความชื่นในคอยล์เย็น ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ไร้กลิ่นอับชื้น
HDD กล้าการันตีเลยว่าแอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY ตอบโจทย์ความคุ้มค่า ทุกการใช้งานในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาจุกจิกต่าง ๆ ทั้งคุณภาพ ความทนทานที่จัดเต็ม ความเย็นที่ทั่วถึง ที่สำคัญยังกินไฟน้อยนิด!!! พร้อมการรับประกันยาวนานถึง 5 ปี ทุกชิ้นส่วน แถมขยายระยะเวลารับประกันอีก 6 เดือน เมื่อลงทะเบียนออนไลน์ จ่ายครั้งเดียวทนเกินคุ้ม ใครที่มองหาแอร์ดี ๆ มาดับร้อนอยู่ละก็ ให้ MITSUBISHI HEAVY DUTY เป็น คำตอบที่ “หนักแน่นด้วยข้อดี ที่คุณไม่หนักใจ” กันนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.mahajak.com/mitsuheavythai
Facebook : Mitsubishi Heavy Duty Thailand โทร.02-378-9999