SS HOME บ้านแห่งแสง พลัง และเรื่องราว


ด้วยสายงานด้าน Creative ที่ต้องใช้ความคิดและไอเดียสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั่งมองผนัง นอนมองเพดาน ซ้ำเดิมไปมา จนสมองตื้อตัน เมื่อบรรยากาศไม่เอื้อต่อการทำงาน บวกกับอยากมีพื้นที่สีเขียว ไว้พักสายตา ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในแต่ละวัน ทำให้คุณแมค ศุภสิทธิ์ เศรษฐสุข คิดอยากจะมีบ้านสักหลัง ที่ไม่เพียงแค่การอยู่อาศัย แต่ยังตอบโจทย์ช่วงวัยที่เหลืออยู่ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวที่รัก เอนกายแอบอิงในมุมโปรด มีความสุขกับการเฝ้ามองดูการเติบโตของต้นไม้ที่ชอบ กับ “บ้าน SS HOME” หลังนี้
คุณแมค เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจซื้อบ้านกับ 2 เหตุผลหลักด้วยกัน “ก่อนหน้านี้ผมอยู่คอนโดมาก่อน จุดเปลี่ยนคือช่วง WFH เราใช้เวลาอยู่แค่ในห้อง กับขนาดพื้นที่เพียง 28 ตารางเมตร ซึ่งค่อนข้างจำกัดทั้งการใช้ชีวิต และความคิด ด้วยความที่สายงานเรา เป็นงานด้านครีเอทีฟ เมื่อหันไปทางไหนก็เจอแต่ผนังห้อง จนบางทีหัวตื้อ คิดงานไม่ออก บวกกับเป็นคนที่ชอบสวน ชอบต้นไม้ เวลาสมองไม่แล่น ก็มักจะเดินไประเบียง ซึ่งก็แน่นไปด้วยพรรณไม้ต่างๆ จนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเริ่มคิดที่จะขยับขยาย ทั้งในแง่ของพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่เราชอบ กับการทำงานที่ต้อง WFH มากขึ้น ถ้ายังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆ ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ Comfort ในการคิดงาน”


อีกเหตุผลที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้เร็วขึ้นในการซื้อบ้านหลังนี้ เขาได้บอกเล่าเพิ่มเติมว่า “ผมได้คุยเล่นๆ กับเพื่อน ถึงช่วงวัยเราที่อายุย่างเข้า 34 ปี จึงอยากวางแผนการตาย ที่ช่วงอายุประมาณสัก 70 ปี จากนี้ที่เหลือชีวิตอีก 36 ปี ถ้าไม่รีบตัดสินใจในวันที่เราพร้อม จะรู้สึกเสียดายมาก” ด้วย 2 เหตุผลนี้ จึงทำให้คุณแมคตัดสินใจซื้อบ้านได้รวดเร็วภายในไม่กี่เดือน


ก่อนหน้าจะมาลงตัวที่บ้านหลังนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ด้วยโจทย์ความต้องการ ที่อยากมีพื้นที่ภายในบ้าน และพื้นที่ข้างบ้านเพื่อที่จะจัดสวนได้ เขาก็ได้ตระเวนดูอยู่หลายโซน กว่าจะได้ทำเลที่ถูกใจ จนมาจบที่ โครงการ วีคอมพาวด์ ราชพฤกษ์ ปิ่นเกล้า แห่งนี้ ด้วยการเดินทางที่สะดวกเข้าออกได้หลายทาง ไม่เสียเวลา เสียสุขภาพจิตบนท้องถนนเป็นเวลานาน
จากรูปแบบบ้านเดิม แม้จะเป็นโครงการบ้านแฝด แต่ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยให้อารมณ์คล้ายบ้านเดี่ยว ชายหนุ่มจึงค่อนข้างชอบอยู่แล้ว ทั้งเรื่องสัดส่วน การวางผัง เลย์เอาท์ต่างๆ ของบ้าน ฟังก์ชันภายในก่อนเริ่มตกแต่ง ชั้นล่างประกอบด้วยพื้นที่โถง ที่เชื่อมระหว่างส่วนนั่งเล่นกับโซนทานข้าว กั้นโซนห้องครัวในบ้าน ครัวไทยด้านนอก และ 1 ห้องน้ำ ชั้นบนแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ รวมพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 169 ตารางวา


คุณแมค เล่าต่อว่า ช่วงที่เริ่มซื้อบ้าน ก็ได้หาไอเดียแต่งบ้านควบคู่ไปด้วย “ผมศึกษาและหา Inspiration เยอะมาก ทั้งคลิป Home Tour ของยูทูปเบอร์หลายคนในประเทศ อย่างรายการ Aom Thara ที่พาทัวร์บ้านหลังต่างๆ ช่วงที่ผมดูนั้นจะเป็นคลิปที่คุณอ้อมพาไปดูไอเดียบ้านคุณโมส จากเพจ Mom Diary และบ้านคุณบอย เจ้าของ Zeed Studio ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งแต่ละหลังก็จะเป็นสไตล์มินิมอล-มูจิ คลีนๆ และก็ได้ดูช่วงที่คุณอ้อมพาไปรู้จักกับคนรุ่นใหม่ ที่หันมาประกอบธุรกิจรีโนเวทบ้านขาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบบ้านแนวมินิมอล นอกจากนี้ก็ได้ดูคลิป Home Tour ของต่างประเทศ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ด้วย”
“เมื่อเราดูรีวิวเยอะ หลากแบบหลายแนว ก็เริ่มรู้แนวทางแล้วว่าตัวเองชอบสไตล์ไหน ซึ่งสไตล์ที่ใช่ของเรา จะเป็นแนวมูจิ ที่มีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่ ผสมผสานสไตล์สแกนดิเนเวียน ผมมองว่าถ้าเป็นสไตล์มูจิทั่วไป ส่วนใหญ่ที่เห็นไม้จะออกโทนอ่อน ขาวๆ ผมอยากได้มูจิที่โตขึ้นมาหน่อยจึงให้ความสำคัญในเรื่อง Material เป็นพิเศษ โดยเน้นไม้จริงโทนเข้มขึ้นเป็นหลัก”
เมื่อถามขึ้นขั้นตอนการเริ่มตกแต่งนั้น ด้วยงบประมาณที่ชายหนุ่มมีอยู่ค่อนข้างจำกัด จึงไม่สามารถจ้างสถาปนิกค่าตัวสูงมาออกแบบให้ได้ สิ่งที่เขาพอจะทำได้ คือเมื่อดู Ref. หากเจอแบบที่ชอบ ก็มักจะแคปหน้าจอเก็บไว้ ทั้งคลิป Home Tour และใน Pinterest ก็ตาม จากนั้นก็มาเลือกอีกทีว่าแบบไหนที่เข้ากับบ้าน ก่อนที่เขาจะลงมือวัดพื้นที่บ้าน ทั้งความสูง ความยาว และความลึก ด้วยตัวเองทั้งหมด และได้ทำการถ่ายรูปลง PowerPoint แล้วนำรูป Ref. ที่เลือกแล้วว่าใช่ มาปรับแบบตามความชอบให้เกิดความลงตัวมากที่สุด คุณแมคเล่าต่อว่า “ผมจะแปะง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพ จากนั้นก็เริ่มส่งแบบทั้งหมด ให้ตามเพจที่รับตกแต่งดีไซน์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องของวัสดุ และราคา ซึ่งก็ส่งไปประมาณ 10 กว่าเพจ กว่าจะเจอกับเพจที่ถูกใจ”
คุณแมคเล่าต่อว่า “ด้วยความที่แต่ละเพจเวลาผมทักไป แอดมินจะตอบคล้ายกันหมดคือจะติดต่อกลับมา แต่ว่าเพจที่ผมเลือกนั้น ตอบกลับทันทีโดยสถาปนิก ที่สำคัญคือทำงานเร็ว และยังให้ความรู้เรื่องวัสดุ เรื่องไม้ เรื่องการเจาะ โดย 70% เราก็เป็นคนคิดแบบ และส่งต่อโจทย์ความต้องการกับทางสถาปนิก ซึ่งเวลาที่เราคิด ไม่ได้มองแค่ความสวยงาม แต่พยายามมองตัวเองก่อน มองถึงการใช้ชีวิตของเรา เช่น ถ้าเจาะผนัง มีเคาน์เตอร์ เรานั่งอยู่ตรงนั้น จะมีความรู้สึกแบบไหน หรือการที่เราทำครัวในบ้าน แต่ไม่มีเตา เวลาเราซื้อกับข้าวมา เราจะวางยังไง ล้างจานเสร็จเราจะคว่ำแบบไหน ไม่ให้มันเลอะ หรืออะไรก็ตามถ้ามองแล้วเราใช้งานไม่สะดวก ถึงจะสวย แต่ถ้าไปยืนแล้วไม่ใช่ตัวเรา ก็จะไม่ทำ” เมื่อถูกคิดมาอย่างรอบคอบ ทำให้ทุกมุมภายในบ้านตอบโจทย์อย่างลงตัวเลยทีเดียว
เมื่อยืนมองจากภายนอก ลักษณะของบ้านก็ดูจะไม่แตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆ ภายในโครงการนัก แต่เมื่อเข้าสู่ภายใน กลับอบอุ่นด้วยบรรยากาศสุดโฮมมี่ ชวนเอนกายผ่อนคลาย ละมุนคุมโทนในทุกมุม ได้รับการจัดสรรอย่างลงตัว ด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน จัดวางสเปซแบบ Open Plan ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณแมคได้อย่างเหมาะพอดี เริ่มจากส่วนแรก จะพบกับส่วนนั่งเล่น จัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เพิ่มสไตล์ด้วยตู้ไซด์บอร์ดสีฮันนี่โอ๊ค เหนือขึ้นไปเป็นทีวีติดผนัง ดีไซน์ประหนึ่งเป็นแกลอรี่ขนาดย่อม ถูกเพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยต้นโอลีฟ อีกฝั่งจัดวางด้วยโซฟาสีขาว วางพาดด้วยผืนผ้าสีเขียว ตัดด้วยพรมสีน้ำเงิน ด้านหลังวางต้นมอนสเตอร่า ด้านข้างวางขนาบด้วยบีนแบคบีนสีเหลือง เสริมด้วยโคมไฟตั้งพื้น สำหรับนอนเอนกาย อ่านหนังสือเพลินๆ
ถัดไปจัดวางด้วยโต๊ะไม้โอ๊คอเนกประสงค์ ห้อยด้วยโคมไฟดีไซน์เก๋ สำหรับนั่งทานข้าว และยังใช้เป็นพื้นที่ทำงานระหว่างวัน ด้านข้างกันนั้น ดีไซน์เป็นเคาเตอร์บาร์ที่ยื่นออกมา พร้อมเจาะช่องเปิดเชื่อมกับส่วนครัว
มุมนี้หากวันไหนต้องการพื้นที่ทางเดิน ก็สามารถพับเก็บได้ เหนือขึ้นไปด้านข้างกันออกแบบเป็นตู้ไม้โอ๊คสำหรับวางแก้วสวยๆ ให้ฟีลคล้ายคาเฟ่ในบ้าน นับเป็นมุมโปรดของเขาเลยก็ว่าได้ ที่มักจะมานั่งจิบกาแฟในยามเช้าของทุกวัน


เชื่อมไปยังส่วนครัวในบ้าน กั้นความเป็นสัดส่วนด้วยประตูไม้บานเลื่อนเซาะร่อง ซึ่งเดิมของโครงการจะเป็นกระจกสีดำ คุณแมคก็ได้ให้ช่างรื้อทำใหม่ทั้งหมด โดยได้ดีไซน์ครัวโครงสร้างพลาสวูดปิดทับด้วยลามิเนต เหนือขึ้นไปออกแบบตู้บิลต์อินสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์และของใช้ให้ง่ายต่อการหยิบจับใช้งาน โดยส่วนนี้หลักๆ จะใช้สำหรับล้างแก้ว ล้างจาน โดยมีไมโครเวฟสำหรับอุ่นอาหารง่ายๆ หากต้องการประกอบอาหารหนัก ก็จะออกไปใช้ครัวไทยด้านนอกแทน


ขั้นบันไดขึ้นสู่ชั้น 2 ถูกเบรกสายตาด้วยต้นซานาดู ส่วนแรกขวามือแบ่งออกเป็น 2 ห้องนอนเล็ก 1 ห้องน้ำด้านนอก ฝั่งซ้ายมือ เป็น Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีห้องน้ำในตัว ทางเข้าดูมีกิมมิกด้วยซุ้มโค้ง ตีโครงด้วยไม้อัด โดยคุณแมคตั้งใจดีไซน์ให้ไม่ดูเกาหลีละมุนจนเกินไป รูปทรงจึงคล้ายเสี้ยวพระจันทร์


ถัดไปคือส่วน Walk-in Closet ดีไซน์ในสไตล์มินิมอล แบ่งเป็นตู้ที่มีบานปิด และตู้แบบโชว์เปลือยที่เผยให้เห็นตะกร้าหวาย และเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มสวมใหญ่ ซึ่งก็ดูคุมโทนไม่น้อย จึงไม่ยากที่ตู้เสื้อผ้าจะดูสวยงามไปในตัว ข้างๆ กันนั้นวางด้วยกระจก ที่ดีไซน์ให้สามารถเลื่อนปิดได้ เนื่องจากด้านหลังเป็นหน้าต่าง ถ้าต้องปิดทับ จะทำให้เสียฟังก์ชันตรงนี้ไป ก็จะได้แสงสว่างส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ที่เหลือก็จะวางเตียง ทีวี ตกแต่งด้วยต้นไม้ กรอบรูป ได้อย่างสวยงาม แถมยังดูอบอุ่นทุกมุมมอง


บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ชาเลนจ์สำหรับชายหนุ่มมาก เขาเล่าเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่อยู่ในหัวเรากับสถาปนิก มันคนละภาพกัน ซึ่งก็เป็นโจทย์ให้ผมปวดหัวอยู่เหมือนกัน คล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ ไปทีละชิ้นๆ อย่างโคมไฟ โต๊ะ ตู้ไซต์บอร์ด โซฟา หรือใดๆ ก็ตาม เราจะมีภาพที่อยู่ในหัวที่ครบถ้วน ฉะนั้นถ้าซื้ออะไรมาแล้วมันไม่เข้า จะรู้สึกเสียดายมาก เพราะเราซื้อไว้ตั้งแต่สร้างยังไม่เสร็จ จึงไม่รู้เลยว่าหากจัดวางแล้วจะออกมาสวยมั้ย จะลงตัวกับส่วนที่ต่อเติมเพิ่มหรือป่าว โดยในระหว่างที่เริ่มก่อสร้าง ผมก็เริ่มหาเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ดูทั้งในรีวิว IG ทั้งร้านแนะนำต่างๆ ตระเวนตาม อิเกีย อินเด็กซ์ และโฮมโปร จนมาเจอร์ร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใจ จะเน้นเป็นไม้โอ๊ค และไม้แอช แม้ราคาค่อนข้างสูง แต่เราหลงใหลในกลิ่นและเทกเจอร์ของมัน”
ช่วงสายในแต่ละวัน แสงจะส่องพาดผ่านเข้ามาในบ้าน กระทบลงบนพื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ เกิดเงาคล้ายผลงานศิลปะที่สร้างมิติให้บ้านได้อย่างน่าสนใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกเรื่องราวความทรงจำ ใจของเขาก็มักจะฟูซะทุกครั้ง


ท้ายนี้ชายหนุ่มเล่าด้วยน้ำเสียงอิ่มสุขว่า “ในวันที่เราเริ่มแกะเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมา ต้องบอกว่าเป็นภาพที่เกินความคาดหมาย สิ่งที่เรากังวลมาตลอด ถูกแทนที่ด้วยความอิ่มใจ ปริ่มใจ ตื้นตันใจ ของทุกชิ้นพอแกะออกมาจัดวาง ทุกอย่างดูลงตัวเข้ากันไปหมด เลยรู้สึกว่าเทสเรายังใช้ได้ สไตล์ที่เราชอบยังเวิร์ก เราจึงค่อนข้างภูมิใจในตัวเองมาก” จนวันนี้ SS Home บ้านแห่งแสง พลัง และเรื่องราว ที่เขาได้ให้นิยามไว้ ได้ถูกชายหนุ่มลองใช้มาแล้ว 8 เดือน เขายังบอกไว้อีกว่า “เป็นช่วงเวลาที่สนุกกับการแต่งบ้านมากๆ หยิบนู่น โยกนี่ เติมนั่น มีความสุขมากๆ”
Owner : คุณแมค ศุภสิทธิ์ เศรษฐสุข